|
ยางแผ่นดิบสีดำ เพียงแต่มองรูปลักษณ์ภายนอก ใคร ๆ เขาก็รังเกียจ หาว่าสีไม่สวย ดำคล้ำ ขายก็ได้ราคาต่ำ แต่หารู้ไม่......คุณภาพสุดยอด ขอบอก
ในการคัดเกรดคุณภาพยางแผ่นดิบจะใช้หลักการคัดชั้นด้วยสายตา ตามมาตรฐานสากลคือมาตรฐาน The Green Book ที่ปฏิบัติกันอย่างยาวนานมากกว่า 100 ปี แยกเกรดตามความสะอาด ฟองอากาศ ลักษณะลายดอก ความชื้นในแผ่นยาง ความแห้งใส สีของแผ่น ความหนาบางของแผ่น น้ำหนักต่อแผ่น และขนาดความกว้าง ยาวของแผ่น
แต่ยางแผ่นดิบสีดำเหล่านี้ หากพิถีพิถันในการผลิตก็สามารถจัดเป็นยางแผ่นดิบคุณภาพดีสุดยอด อย่างที่คาดไม่ถึง มีความยืดหยุ่นสูง ความต้านทานต่อการเสื่อมสภาพดี ความหนืดค่อนข้างสูง เหมาะกับการนำยางไปผลิตเป็นล้อรถ สายพาน ยางขอบกระจก หรือยางรองคอสะพาน
คนส่วนใหญ่มักจะมองเรื่องสีของแผ่นยางเป็นหลัก มากกว่าปัจจัยอื่น ๆ แต่สีของแผ่นยางขึ้นอยู่กับพันธุ์ยาง ชนิดและปริมาณน้ำกรด การผึ่งยาง และความหนา บางของแผ่น เป็นต้น
พันธุ์ยางส่งผลต่อสีของยางที่แห้งแล้วเนื่องจากในน้ำยางจะมีสารเม็ดสีพวกคาโรตินอยด์ ที่ทำให้ยางมีสีคล้ำ น้ำยางที่มีคาโรตินอยด์มากสีก็จะเข้มมากขึ้นตามลำดับ พันธุ์ยางที่มีสีเข้มได้แก่ PBM1, RRIT156, RRIT226 และ PR261 ปัจจุบันยางพันธุ์เหล่านี้เหลือน้อยมาก จะโค่นทิ้งซะส่วนใหญ่ แต่ยังพบบ้างในเขตจังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง พังงา และสุราษฎร์ธานี
ยางที่ใช้กรดจับตัวมากเกินไปหรือใช้กรดซัลฟิวริกในการจับตัวจะส่งผลให้ยางสีคล้ำและยางเหนียวเยิ้มได้เช่นกัน เนื่องจากปริมาณซัลเฟตที่ตกค้างจะดูดความชื้นจากอากาศ เช่นเดียวกันกับการนำยางไปตากแดดจะส่งผลให้ยางสีคล้ำและเหนียว แต่สามารถสังเกตได้ง่ายว่ายางสีดำมาจากพันธุ์ยางหรือจากปัจจัยอื่น
ยางพันธุ์ที่กล่าวถึงหากนำไปผลิตเป็นยางแท่งหรือยางแผ่นรมควัน จะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างมาก แต่จะมีข้อระมัดระวังในการนำน้ำยางจากพันธุ์ที่กล่าวถึงไปผลิตเป็นน้ำยางข้น จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีสีคล้ำได้
เกษตรกรท่านใดที่มีข้อสงสัยกรุณาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการทดสอบรับรองภาคใต้ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยาง การยางแห่งประเทศไทย โทร. 074 894306-7 หรือ Facebook :ศูนย์บริการทดสอบรับรองภาคใต้ ฝ่ายวิจัยอุตสาหกรรมยาง |