กยท. อัดงบร่วม 4 แสนบาท แจกถุงยังชีพ เร่งช่วยเหลือชาวสวนยางภาคใต้ประสบภัยน้ำท่วม เตรียมเยียวยาพื้นที่สวนยางหลังน้ำลด รายละ 3,000 บาท

          นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ติดต่อกันหลายวันส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสูงหลายอำเภอในพื้นที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่ง กยท. ได้รับทราบความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยางและประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว เบื้องต้น กยท. อนุมัติจัดสรรเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์การสนับสนุนปัจจัยยังชีพกรณีครัวเรือนเกษตรกรชาวสวนยางประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตามมาตรา 49(5) ซึ่งจัดสรรเงินจำนวน 400,000 บาท (จังหวัดละ 100,000 บาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้ กยท. ในพื้นที่ในการส่งมอบถุงยังชีพที่บรรจุเครื่องอุปโภค บริโภค ยารักษาโรค และสิ่งของที่จำเป็น ให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กยท. อยู่ระหว่างแก้ไขหลักเกณฑ์วงเงินช่วยเหลือ เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่และจำนวนเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งล่าสุดได้จัดถุงยังชีพและเริ่มนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยแล้ว ทั้งนี้ กยท. ยังได้ตั้งโรงครัวเพื่อทำอาหารแจกจ่าย และให้ความอนุเคราะห์สถานที่สำนักงานของ กยท. เพื่อเป็นที่พักอาศัย จอดยานพาหนะชั่วคราวแก่ผู้ประสบภัยในแต่ละพื้นที่ด้วย

          "กยท. พร้อมช่วยเหลือและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางและผู้ประสบภัยพิบัติ” นายสุขทัศน์ กล่าว
          รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังสถานการณ์น้ำคลี่คลาย เจ้าหน้าที่ กยท. จะเร่งเข้าสำรวจความเสียหายของพื้นที่สวนยางโดยเร็วที่สุด เพื่อจัดสรรเงินช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ซึ่งเป็นเงินสวัสดิการจากกองทุนพัฒนายางพารา มาตรา 49(5) ตาม พ.ร.บ. การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ซึ่งในกรณีที่สวนยางประสบภัยจนเสียสภาพสวน หรือต้นยางได้รับความเสียหายเกิน 20 ต้น/แปลง จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละไม่เกิน 3,000 บาท และยังมีเงินทุนกู้ยืมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง อีกรายละไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล ปรับปรุงที่อยู่อาศัย หรือเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ เกษตรกรชาวสวนยางสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือจาก กยท. ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติภายใน 30 วัน นับถัดจากวันที่ประสบภัย หรือนับถัดจากวันที่เหตุภัยพิบัตินั้นสิ้นสุดลง